ดำน้ำภูเก็ต - กระบี่
วันเข้าพรรษา 2551
ปกติหน้า Low Season
ของฝั่งอันดามัน จะเป็นสวรรค์ของการดำน้ำอ่าวไทย
ตั้งแต่พัทยา ชุมพร เกาะเต่า
วันหยุดวันพระใหญ่ปีที่แล้ว
ผมยังไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬอยู่เลย
แต่ปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาในชีวิต
อยากปล่อยสมองให้ว่างก่อนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
เพื่อนจากภูเก็ตส่งเสียงตามสายมาว่า
มาอยู่ด้วยกันก็ได้ มาดำน้ำกัน อากาศหน้า
Low ดีกว่าหน้า High อีก มาเถอะ
ปลดปล่อยพันธนาการบ้าง วางหูปั๊ปจองตั๋ว Low Cost
เก็บกระเป๋า มุ่งหน้าสู่ภูเก็ตทันที
รุ่งเช้าฟ้ามีเมฆครึ้มแล้วสายฝนก็พรำ อึดใจสายฝนซา
รุ้งกินน้ำโค้งพาดขอบฟ้า คลื่นสูงซัดชายหาด
อากาศขมุกขมัว
พระองค์ใหญ่บนเขาหน้าท่าเรือฉลองเล็กลงเรื่อยๆ
เมื่อเรือวิ่งห่างท่า
นึกในใจว่าวันหน้าจะหาโอกาสไปไหว้ท่าน
เรือมุ่งหน้าสู่น่านน้ำหมู่เกาะพีพี
ถึงที่หมายหลังเพื่อนทำหน้าที่ Trip Leader
เรียบร้อยแล้ว เราก็แต่งตัวโดดลงน้ำกัน ผมตามไปห่างๆ
ปลากบสีแดง
ปลาสุดโปรดเกาะทำสีกลมกลืนกับปะการังที่มันเกาะอยู่อย่างมั่นใจ
หากไม่สังเกตุจริงๆ คงไม่มีทางรู้ว่ามันคือปลากบ
หมึกกระดองนอนหลับอยู่บนลานทราย
เมื่อคณะเข้าเขตดงปะการังเขากวาง
ฝูงปลาข้างเหลืองนับร้อยๆตัว
ว่ายรวมตัวกันแล้วหันไปทางนู้นที ทางนี้ที
เมื่อนักดำน้ำผ่านเข้าไปกลางฝูง
ฉลามเสือดาว (Leopard
Shark)
ว่ายนำหน้านักดำน้ำอีกกลุ่มนึงที่ไล่ตามมันมาอย่างไม่รู้สึกตกอกตกใจอะไร
ปลายไดฟ์ปลาไหลริบบิ้น
(Ribbon Eel)
ชูคอรอเหยื่ออยู่ ตัวนี้กำลังเริ่มมีพัฒนาการ
จากตัวเด็กดำ เป็นตัวฟ้า และเหลืองในไม่ช้า
สังเกตได้จากลำตัว ที่เริ่มจะมีสีเปลี่ยน
อีกไดฟ์เพื่อนพาไปเอา
Nudibranch
มาฝากน้อง Blowing Bubble
สีเขียวกลมกลืนกับปะการังที่เค้าอยู่จริงๆ
เต่าตัวนึงเหินฟ้ามาจากด้านบนผิวน้ำ
ฝูงปลากระมง หรือ Jack
รวมตัวกันเป็นฝูงหลวมๆ ไดฟ์นี้ดำกันเพลินๆ สบายๆ
แหงนดูปลาใหญ่ เป็นระยะๆ
มิตรภาพ เพื่อน สายน้ำ
ความทรงจำ ทำให้พวกเราร่ำสุรา
ก่อนที่จะเข้าพรรษาอย่างเป็นทางการในค่ำคืนนั้น
นอกจากดำน้ำอันดามันใต้ของโปรดแล้ว
จากฤดูกาลดำน้ำฝั่งอันดามันเหนือที่ผ่านมา
ใต้น้ำไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมากนัก ผมร่ำๆ
จะเปลี่ยนเส้นทางการดำน้ำออกนอกประเทศซะแล้ว
แต่หัวรุ่งอีกวันนึงได้มีโอกาสนั่งคุยกับเพื่อนเก่าดำน้ำมืออาชีพ
นั่งดูรูปที่เค้าถ่าย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ภาพรวมๆ ภาพกว้างๆ ทั้งหมด และผมก็ตระหนักว่า
ทะเลเมืองไทย
ยังมีอะไรอีกตั้งเยอะที่เรายังไม่เห็นกับตา
แต่ได้เห็นภาพถ่ายของพวกเค้าแล้ว โอ้โห.....
เจอที่ไหนฟะ และยิ่งเห็นเพื่อนๆ
ทำงานบริการดำน้ำแบบมืออาชีพ ตรงเวลา
มาตรฐานแล้วด้วยนั้น ดำน้ำเมืองไทยดีก่า
ทะเลเมืองไทยเรานี้ แสนดีหนักหนา !!
ระหว่างเรือแล่นห่างฝั่งออกไปเรื่อยๆ
นักดำน้ำฝรั่งหยิบกีตาร์ตัวเล็ก ขึ้นมาดีดเพลงโปรด
“Somewhere Over the Rainbow ” คลอเสียงคลื่น
จากคนจัดทริปกลายเป็นคนไม่มีทริปยามหน้า Low Season
ได้ดำน้ำกับเพื่อนที่ดีและดำน้ำด้วยกันมาหลายปี
ทำให้ผ่อนคลายความเครียดในชีวิตไปได้เยอะ
แม้จะชั่วครู่ก็ตาม
ที่
Shark Point
ไม่เสียชื่อไดฟ์ไซต์
ฉลามเสือดาวตัวนึงว่ายส่ายหัวดุกดิก
ก่อนที่จะสบัดตัวหนีห่างออกไป
ปะการังสีม่วง สีแดง
ที่หาไม่ได้แล้วที่หินม่วง หินแดงรวมถึง Seafan
ต้นใหญ่ๆ ยังคงอุดม
ม้าน้ำสีเหลืองม้วนหางเลื่อนตัวไปมาพยายามหลบสายตานักดำน้ำที่คอยถ้ำมอง
King
Cruiser
เรือจมที่เริ่มผุผังตามกาลเวลา
โถส้วมยังคงตั้งตะหง่านรอนักดำน้ำเอาความทุกข์มาทิ้ง
ปลาสิงโตรำแพนยังคงมีหลายตัวบริเวณท้ายเรือ
แม้จะลดปริมาณไปบ้าง ทากทะเลเริ่มคุ้นหน้าแต่ไม่แปลกตา
เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน
และไดฟ์สุดท้าย ม้าน้ำสีขาวนวล
แอบอยู่ในกอปะการังแบบเนียนสนิท
คลื่นเริ่มแรง
ลมเริ่มกรรโชก เรือฝ่าคลื่นกลับฝั่ง
ผมยืนเหม่อมองท้องฟ้าครึ้มและทะเล
ถามตัวเองว่าทำไมยังดำน้ำอยู่ เพราะรัก เพราะรอ
เพราะชอบ หรืออะไร แล้วประโยคหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว
“หากมีความทุกข์ให้เอาไปทิ้งทะเล” นี่กระมังคือคำตอบ
เรือกลับถึงฝั่งฝนยังคงตกอยู่
ผมตัดสินใจไม่ใส่เสื้อกันฝน สตาร์ตรถแมงกะไซค์
เปิดไฟใส่หมวก ขี่ออกไปจากท่าเรือ
ความเร็วของรถทำให้ฝนพรำ กลายเป็นเม็ดอะไรแข็งๆ
ตกใส่ตัวใส่หน้า แต่กระนั้นเลย
ชีวิตบนหลังอานแมงกะไซค์ขณะนั้น
ช่างสุขใจท่ามกลางสายฝนเสียนี่กระไร
ผมนึกถึงช่วงวัยรุ่นของตัวเองที่มีวิถีชีวิตขบถ
ไม่อินังขังขอบใดๆ หากไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร
ตะโกนร้องเพลงกลางสายฝน
และผมก็ร้องมันออกมาอีกครั้งในวันนั้น
แวะไหว้พระวัดฉลอง
ก่อนจะกลับไปร่ำสุรา ร่ำลากันอีกครา
พรุ่งนี้ต้องกลับไปฟังข่าวการเมือง ฟังกรณีพิพาทเขตแดน
น้ำมันแพง หุ้นตก
และอีกหลากหลายข่าวที่จรรโลงใจเสียเหลือเกิน
แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากการไปดำน้ำครั้งนี้
คือคำตอบว่าจะจัดการชีวิตตัวเองต่อไปอย่างไร
ทะเลเมืองไทย
ไม่ไปไม่รู้ |