เฮง เฮง เฮง!! ทริปแฮปปี้โชคดีรับปีหนูทอง
11-14 มกราคม 2551

การดำน้ำเป็นกีฬาเชิงสันทนาการ(Recreational Diving) ที่ต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง และรับผิดชอบต่อธรรมชาติ ที่พวกเราควรจะทิ้งไว้แต่ฟองอากาศ และเอากลับมาเพียงภาพถ่าย และความประทับใจ
และหากถามว่า เสน่ห์ของการดำน้ำคืออะไร ทำไมถึงได้หลงใหลกันจัง คำตอบที่ตอบได้ตอนนี้ก็คือการค้นหาสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้น้ำ และเราไปเจอพวกเค้าแต่คำตอบของคุณเป็นอย่างไร ต้องไปหาเอง

กับข่าวคราว ความตายของปะการังที่หินม่วง หินแดง ทำให้นักดำน้ำจำนวนมาก เบนความตั้งใจและความสนใจ ที่จะไปที่นั่น สู้ไปทะเลอันดามันเหนือ แถวหมู่เกาะสิมิลัน(Similan) เกาะบอน(Bon) เกาะตาชัย(Tachai) และ กองหินริเชริว( Richelieu Rock) ดีกว่า

“อันดามันใต้มีอะไรดู น้ำขุ่น ปะการังตาย ไม่เจอแมนต้า ไม่เจอฉามวาฬ ไม่เจออะไรเลย เคยไปมาแล้ว” !!

หากเปรียบ “อันดามันใต้” เป็นหญิงสาวที่มองแวบแรก เราอาจจะรู้สึกเฉยๆ งั้นๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าดึงดูด แต่ลองยิ่งพินิจพิเคราะห์ดูจะเห็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเจ้าหล่อนซ่อนอยู่ภายใน

ทะเลเมืองไทย มีความงดงาม ซ่อนอยู่มากมาย ยังมีนักดำน้ำจำนวนไม่น้อยเลย ที่ยังไม่ได้ไปสัมผัสเสน่ห์จริงๆ แห่ง “อันดามันใต้” แต่กับพวกเราทริปนี้ ไม่ได้คาดหวังจะเจอสิ่งใดๆ เป็นพิเศษ แต่ก็ยังมีหวังที่จะเจอสิ่งพิเศษ

ตะรุเตา ที่เพี้ยนเสียงมาจากภาษามลายูว่า “ตะโละเตรา” มีความหมายว่า “มีอ่าวมาก”
ท่ามกลางหมู่เกาะน้อยใหญ่น้อยใหญ่ของอุทยานทางทะเลแห่งแรกของเมืองไทย “ตะรุเตา” เรือจอดลอยลำอยู่ที่หน้าเกาะหินงาม
เกาะหินงาม ที่มีหาดหินควอท์แห่งเดียวในโลกเลยก็ว่าได้ งดงามสมคำร่ำลือ หินกลมมน สะอาดตา หากผู้ใดเรียงหินได้สูงหลายๆ ชั้น อธิษฐานอะไร ก็จะประสบความสำเร็จ แต่หากผู้ใดเอาหินกลับบ้านไป ผู้นั้นจะประสบกับความวิบัติ(คำสาปเจ้าพ่อตะรุเตา)
นอกจากพวกเราแล้วเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวมาเป็นกลุ่มๆ ทั้งดำผิวน้ำ(Snorkling)และเรียงหินเล่น แต่พวกเราเน้นถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกมากกว่า ก่อนที่จะได้เวลากลับขึ้นเรือเพื่อไปดำน้ำยังเกาะเล็ก เกาะใหญ่ บริวารของหมู่เกาะตะรุเตา

ณ ใต้น้ำ อันดามันใต้ พวกเราได้เจอสัตว์ประหลาดหลายชนิดที่ไม่เคยได้เจอที่อันดามันเหนือ บางอย่างไดฟ์ลีดเดอร์มืออาชีพที่ดำน้ำมาอย่างโชกโชนนับพันๆ ไดฟ์ ยังเพิ่งเคยเจอ หรือเคยเจอเป็นครั้งที่สองในชีวิตการดำน้ำ

และเราก็ได้พิสูจน์ว่าเจ้าปลาจิ้มฟันจระเข้ปิศาจ(Ghost Pipe Fish) ที่พวกเราเจอร่วม 10 ตัวของทริปนี้ สามารถอยู่ได้ทุกที่ที่มันสามารถอยู่ได้

สัตว์ทะเลตัวแปลกๆ ที่อยู่ในหนังสือ Reef Fish, Reef Guide ทั้งหลาย บ่งบอกว่าเจอที่ประเทศนู้นประเทศนี้ เราก็เจอเหมือนกันในประเทศไทย ทะเลไทยของเรานี้เอง

หินม่วง หินแดง จุดดำน้ำยอดฮิตในอดีต ที่หลายคนเมินหน้า และส่ายหัว ว่าไม่ไปหรอก “เค้าว่า มันตายไปหมดแล้ว” เค้าว่า มันไม่เหลืออะไรแล้ว เค้าว่า อย่างนู้น เค้าว่าอย่างนี้” ชีวิตคุณ จะถูกกำหนด จากการที่ “เค้าว่า” เช่นนั้นหรือ ?

บ่ายวันนั้นพวกเราก้มหน้าไต่สายทุ่นลงไป กระเบนราหู หรือแมนต้าเรย์(Manta Ray) กระเบนตัวใหญ่เบ้อเร่อ บินร่อนดังนก อยู่เหนือนักดำน้ำกลุ่มแรก ที่ลงไปก่อน จาก 2 ตัว กลายเป็น 4 ตัว และ ปิดท้ายอีก 1 ตัวที่หลายๆ คนอาจคิดว่าโม้ มันคงเป็นตัวเดียวกันแหละ แต่จากสายตาและลักษณะที่แตกต่างกันของพวกมัน มันเป็นคนละตัวกันแน่ๆ พวกเราตกลงเรียกเค้ากันว่า ฝูงแมนต้า แล้วกัน

เช้าตรู่อีกวัน เราลองลง Morning Dive กันที่หินแดง ทำให้เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ฝูงปลาผลัดแรกที่จะออกหากินตอนเช้าเริ่มลุกจากที่นอน ในความสลัว Marble Ray นอนอยู่ที่ความลึกกว่า 30 เมตร ทำให้ลุ้นระทึกว่าจะติดดีคอมไหม และก่อนขึ้นผิวน้ำแมนต้าเรย์ตัวนึง ก็ว่ายมาเล่นกับพวกเรา ร่วม 5 นาที ก่อนที่จะบินหายไป

และไดฟ์ถัดมาที่หินม่วง น้ำมีกระแสแรงแตกต่างจากวันก่อน พวกเราก็ช่วยกันนับ เจ้ากระเบนราหู(Manta Ray) ได้อีก 4 ตัว เจ้าตัวสุดท้ายที่บินมาเล่นกับเรา ตัวใหญ่ ล่ำบึกมาก เค้าบิน เค้าโผ เค้าเฉิด ราวกับพระเอกที่ต้องมาตอนจบ มาเป็นตัวปิดท้าย Bye Bye ส่งพวกเรา มีเพื่อนร่วมทริปบางคนเพิ่งจบ Open Water มา ได้มาเจอฝูงแมนต้าเรย์แบบนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นโบนัสกันไป เพราะอีกหลายคน ที่ดำน้ำมานานยังไม่เคยเจอเลย หรือบางคน นับร้อยไดฟ์ถึงจะเจอพวกเค้า นี่แหละครับการที่อย่าคาดหวัง แต่ขอให้มีหวัง

บ่ายแก่ๆ ก่อนวันกลับฝั่ง เราขึ้นไปเดินบนเกาะพีพีกัน หลังสึนามิหลายอย่างเปลี่ยนไปแต่ก็ยังคงบรรยากาศ เกาะสวาทหาดสวรรค์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเหมือนเดิม

วันสุดท้าย พวกเราจะต้องลง K-S-A Cluster อย่าง เรือจมคิงส์ครุยเซอร์(King Cruiser Wreck) ที่หลายคนไม่รู้มาก่อนว่าเรือลำนี้ มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น และมีชื่อก่อนที่จะเป็นเป็น King Cruiser ว่า Rokkou Maru

ทากทะเล(Nudibranch) พันธุ์ต่างๆ มากมาย รอนักดำน้ำสายตาดีไปค้นหาพวกเค้า หรือปริมาณปลาสิงโต ที่เรียกได้ว่ามากมาย แทบจะเยอะที่สุดกับไดฟ์ไซต์ เรือจม(Wreck Dive)ในประเทศไทย

หินมูสัง หรือ ชาร์คพ๊อยต์(Shark Point)
ก็ยังมีฉลามเสือดาว(Leopard Shark) นอนกบดานอยู่บนพื้นทราย สิ่งละอันพันละน้อยอย่าง ลูกม้าน้ำ(Sea Horse) ตัวจ้อย ที่เคยเห็นแต่ที่พิพิธพันธ์สัตว์ทะเลที่บางแสน ก็เพิ่งได้สบตากับเจ้าตัวน้อยในทะเลเปิดครั้งนี้เอง เค้าลอยตุโหน่งๆ เบือนหน้าหนีเราบ้าง หรือบางทีก็หันหน้ามาเหมือนจะเล่นด้วย กว่าจะได้รูปมาก็เล่นล่อเอาเถิด กันซะจนอากาศหมดไปหลายบาร์

และ A สุดท้าย เราเปลี่ยนหมายไปเกาะดอกไม้กัน มีสัตว์พรางตัวหลายชนิดให้ค้นหา

บางวันสำหรับทริปนี้ ตอนเย็นแดดร่มลมตกบริเวณหน้าเรือ ไดฟ์ลีดเดอร์ตั้งสายกีต้าร์ พร้อมฮัมเพลง “คาราบาว”และลูกทุ่ง ลูกกรุงคละเคล้ากันไป เป็นที่ผ่อนคลาย

บนหาดทรายบนเกาะราวี เหล่านายแบบ นางแบบ กล้อง ตากล้อง ขึ้นไปถ่ายถ่ายรูปกันตั้งแต่บ่าย จนพระอาทิตย์ตก เหยี่ยวทะเลคอขาว ร่อนหากินปลา ก่อนแสงอาทิตย์จะลาขอบฟ้า บางครั้งการปลดปล่อยพันธนาการ จากงานประจำ ไปดำน้ำ ก็ดีไปอีกแบบนะ

พวกเราได้มาดำน้ำกับเรือที่สะดวกสบายเป็นกันเองดังเช่น เรือ “โชคทวี” มีทีวี UBC Satellite ผ่านดาวเทียมให้เราดูอย่างคมชัดแม้อยู่ห่างไกล น้องๆ พนักงานเรือ ที่เป็นกันเอง เต็มใจบริการ ดูแลพวกเราเต็มที่ หน้าที่เราคือ ดำน้ำ กิน นอน เท่านั้น และคนที่ให้เราไปถึงจุดหมาย และสบายท้อง คือกัปตันเรือและแม่ครัว ที่ทำงานกันแบบอุตสาหกรรมในครอบครัว

พี่ เพื่อนๆ น้องๆไดฟ์ลีดเดอร์ร่วมทมที่คุ้นเคยกันดี ทำงานด้วยกันมาหลายปี และถ้อยที ถ้อยอาศัย ลงน้ำก่อน ลงน้ำหลัง ฝากลูกทัวร์หน่อย และช่วยกันหาหมายดำน้ำ และสิ่งแปลกๆ ใต้ทะเล การช่วยกันดูแล เพื่อนๆ สมาชิกนักดำน้ำบนเรือ

คุณล่ะ ไปตามหาม้าน้ำ ล่าฉลามวาฬ โบยบินกับแมนต้า ด้วยหัวใจ และแรงฟินของคุณเองหรือยัง หรือยังคงมีชีวิตอยู่กับคำพูด หรือการได้ยินจากคนอื่นที่บอกว่า “เค้าว่า.....”