ดำน้ำบาหลี

อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลมาก และหมู่เกาะน้อยใหญ่นับร้อย นับพัน ทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายแห่งหนึ่งของโลก ตัวอย่างเช่น เกาะโคโมโด เกาะสุลาเวสีที่มีแหล่งดำน้ำ Macro ขึ้นชื่อ มานาโด(Manado)  4 เกาะราชา หรือ ราชาอัมพัด(Raja Ampat) และ ที่พลาดไม่ได้คือ เกาะบาหลี เป็นเกาะหนึ่งที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักดำน้ำทั่วโลก  คนบาหลีเองดำน้ำกันน้อยมากจะมีก็แต่คนทำธุรกิจดำน้ำ ร้านดำน้ำ หรือ พวก Dive Master หรือ Instructor เท่านั้น สำหรับนักดำน้ำชาวไทย มักจะใช้วันหยุดช่วงวันแม่เดือนสิงหาคมของทุกปี ไปรวมตัวกันดำน้ำที่บาหลี

หากคุณคิดจะไปดำน้ำเฉยๆ ที่บาหลีคงอาจไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นัก แต่ถ้าจะไปดำน้ำด้วย เที่ยวด้วยละก็ รับรองว่าคุ้มมากๆ การท่องเที่ยวของบาหลี จริงๆ แล้ว เที่ยวได้ทั้งปี แต่ช่วงที่ฝนไม่มี และอากาศเย็นนิดๆ คือช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งน้ำที่เย็นนั้นทำให้ ปลาพระอาทิตย์(Sun Fish) หรือ โมลา โมลา ขึ้นจากทะเลลึก มาสู่ที่ตื้นขึ้น

แต่หากเป็นเดือนตุลา-ธันวาคมแล้ว อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น แต่มกรา-กุมภา-มีนา คม ฝนตก เมษา-กรกฎาคม ฝนน้อย

ห้วงดีที่ที่สุดของการดำน้ำเพื่อลุ้นโมลา โมลา(Mola Mola)และแมนต้า(Manta Ray)และท่องเที่ยวบาหลี คือปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และกันยายน แต่หากอยากดำน้ำดูอะไรก็ได้ที่บาหลี คุณไปดำเดือนไหนก็ได้

เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวกสบาย มีสายการบินที่บินตรง(Direct Flight)จากกรุงเทพฯ สู่สนามบินเดนปาซาร์ของบาหลีทุกวัน ทั้งเครื่องแดง Low Cost หรือเครื่องม่วงกล้วยไม้สายการบินแห่งชาติไทย

เกาะบาหลีอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร ทำให้น้ำทะเลโดยทั่วไปเย็นถึงเย็นมาก Wetsuit ที่ใช้อย่างต่ำควร 5mm ขึ้นไป

จากซานัวร์ ขึ้นมาด้านตะวันออกของเกาะ เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปจุดดำน้ำสุดฮิตของบาหลี ที่บอกว่า “ไปก็ได้ ไม่ไปไม่ได้” Tulamben หรือนักดำน้ำมักจะพูดแสลงกันว่า”กูลำเค็ญ” ลำเค็ญยังไงตามมา

จุดดำน้ำเมื่อมาทูลัมเบน(Tulamben) บาหลี แล้วพลาดไม่ได้ก็คือเรือจม Liberty Wreck ตัวเรือใหญ่มาก แต่ก็แตกหักแล้วหลายๆ ส่วน  เรียกว่าดำกัน 3 ไดฟ์ ยังไม่พอเลย  ทั้งเรือทั้งปลามีขนาดใหญ่ หากคุณอยากดำน้ำที่นี่ สิ่งที่ต้องทำคือ Fins ควรเป็นแบบ Open Heel หรือรัดส้น โดยการใส่ Boot ก่อน เพราะหาดที่นี่เป็นหาดหินทั้งหมด(คล้ายหาดหินงามที่ตะรุเตา แต่ก้อนใหญ่กว่า) หากเดินเท้าเปล่า อาจเจ็บหรือพลิกได้ พอลงจาก Slope หาดหินสภาพจะเป็นทรายภูเขาไฟ ดินดำ แล้วก็ตัวเรือเลย ที่ท้ายเรือความลึกกว่า 30 เมตร ซึ่งไม่ค่อยมีใครเค้าไปกัน

ภาพรวมของการดำน้ำที่ Liberty Wreck มีจุดน่าสนใจมาก ทั้งซากเรือเอง สัตว์เกาะติดที่สมบูรณ์ ปะการังอ่อน ปะการังแข็งและฝูงปลา

กลางคืน และรุ่งเช้า ฝูงปลานกแก้วหัวโหนก(Bump head parrot Fish) ฟันไม่เข้าตัวเท่ารถกระบะ รวมฝูงกันมากางมุ้งนอนกันที่นี่

กลางวันที่เราควรจะต้องเจอ ก็ฝูงปลากระมง(Jack Fish) นับพันตัว ว่ายเวียนวน ห้อมล้อมกัน เหมือนพายุหมุน(Cyclone)

โรบัสโกสไปป์ฟิช(Robust Ghost Pipe Fish) 3 ตัว พลางตัวเนียนเข้ากับเศษทางมะพร้าวเน่าๆ

ปลาไหลสวน(Garden Eel)  ตัวขนาดแส้ทะเล ชูตัวสลอนบนพื้นทรายบริเวณกาบเรือ

ปลาแมงป่องปะการัง(Reef Scorpion Fish) สีขาวเมื่อมองด้วยตาเปล่า สีชมพูเมื่อมองด้วยกล้องถ่ายรูป โอนเอน ตามกระแสน้ำ และใช้ขา(ครีบ)กระดืบๆ เมื่อต้องการเคลื่อนที่  หรือเต่า(Turtle) ตัวใหญ่กัดกินปะการังอ่อนดังกร๊อบกรอบ

หากชอบมาโคร หรือสัตว์เล็ก นี่เลย ม้าน้ำแคระ(Pygmy Seahorse) ที่ต้องตาดีจริงๆ ถึงจะหาเจอ

ย้อนกลับมานิดนึง ที่หาด Sariya ในเขต  Tulamben มีจุดดำน้ำ Macro dive อยู่อีกจุด ใครชอบของเล็กไม่น่าพลาด

หากกลับมาที่ซานูร์(Sanur) ระยะทางเพียงครึ่งชั่วโมงจากหาด เรือจะพาเราถึงนูซาพานิดา(Nusa Penida) แหล่งดูโมลาโมลา(Sun Fish) เกาะข้างเคียงอีก 2 เกาะคือนูซาเซนนิแกน(Nusa Ceningan) และนูซาเลมโบงัน(Nusa Lembongan) ที่นี่เป็นจุดดำน้ำปราบเซียน เพราะน้ำทั้งแรง ทั้งหมุน และกระแสน้ำกด(Down Current)

กระแสน้ำกด(Down Current)

ลองจินตนาการง่ายๆ ว่า มีเขาลูกหนึ่ง ที่น้ำท่วม แล้วเราดำน้ำอยู่บน เนินเขา แล้วคิดต่อไปอีกว่า ลมบนเขาพัดแรงๆ เรื่อยๆ แต่ในน้ำมันกลายเป็นกระแสน้ำ แรงของน้ำจะกดตัวเราลงไปตามกระแสน้ำ ซึ่งค่อนข้างอันตรายหากนักดำน้ำประมาท ไม่ได้ดู Depth Gauge หรือ Dive Computer เพราะน้ำที่ใส น้ำไหลที่กด และดำน้ำบริเวณกำแพงใต้น้ำ(Wall Dive) อาจทำให้เราลงลึกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้เราเมา Nitrogen หรือบางช่วงน้ำอาจหมุนเกลียวทำให้เราไม่สามารถมอง Gauge หรือ Divecom ได้

อุณหภูมิของน้ำบริเวณเกาะพานิดา (Nusa Panida) เริ่มจาก 27 องศาที่ผิวน้ำ จากนั้นลดลงเรื่อยๆ 26 25 23 22 และ 21 องศาในที่สุด เหมือนเราดำท่ามกลางน้ำแข็ง  ทุกอย่างแข็งหมด ยกเว้นแรง ที่ไม่แข็ง

ที่ยอดเขาใต้น้ำของนูซาร์พานิดา ปลา โมลา โมลา(Sun Fish) ลอยตัวอยู่กลางน้ำ ให้ปลาพยาบาลจำพวกปลาโนรีมาตอดงับกินพวกปราสิต ที่จุด Cleaning Station ดูโมลา โมลาไป ต้องระวังความลึกไป และที่จำเป็นจริงๆ คือ Hook หรือตะขอเกาะแนวปะการัง ไม่งั้นโดนน้ำกดลงไปข้างล่างแน่ๆ ในไดฟ์แรกที่ Crystal Bay เราเจอโมลา โมลา แปปนึง ที่มาแล้วหักปีกขึ้นเหมือนเครื่องทิ้งระเบิด แต่ไดฟ์ที่สอง มีโบนัส เป็นฉลามตัวนึงว่ายเข้ามาในแนวรีฟ(Reef) ให้พวกเราตีฟินกวด ถ่ายรูปเล่น

และพระเอกอีกตัวก็โผล่มา โมลาโมลา ก้นขาด (เหมือนโดนอะไรกัดก้น) แหว่งๆ พิกล แต่เจ้าตัวนี้ นิ่งให้เราถ่ายรูปแต่โดยดี นานมาก จนอากาศและ NDL แทบหมด

อีกวันรุ่ง เรามูฟไปที่ Manta Point น้ำเย็นยะเยือกเช่นเคย(21 องศาเซลเซียส) เราลงไปแป๊บเดียว กระเบนราหูหรือแมนต้าเรย์(Manta Ray) ก็โบยบินโฉบมา แว๊บๆ หลอกให้อยากแล้วจากไป ถ่ายรูปได้คนละแชะ สองแชะ สัตว์ที่บาหลี ไม่ค่อยเล่นกับคนแหมือนแมนต้าเมืองไทยเท่าไหร่  และทิศทางของพวกเค้ามักเดาไม่ได้ว่ามาทางไหน วูบไปวูบมา เหมือนปิศาจ และที่แตกต่างจากทะเลเมืองไทย ก็คือ ถ้าพวกมันมาเป็นขบวนพวกมัน จะ ว่ายต่อหางกันเป็นขบวน เหมือนรถไฟ

หลังจากปากสั่นขาสั่นด้วยความหนาว เรากลับมาจบทริปกันแบบอุ่นๆ กับ Drift Dive กระแสน้ำไหล เหมือนเราโดดร่ม ดิ่งพสุธา ยังไงยังงั้น

เนื้อเรื่องทั้งหมดทั้งมวล คุณจะไม่ Get เลยหากไม่ ดูด้วยตา ไปหาด้วยฟิน ของคุณเอง....... ไปดำน้ำกัน!!!